ที่จะเขียนต่อไปนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการคุยกันบทรถไฟไปตูรินกับจ๊ะจ๋า รุ่นน้องที่มาแลกเปลี่ยนที่อิตาลีตอนที่เรากลับมาอิตาลีพอดี
(จ๊ะจ๋า เคยบอกเราว่า 'พี่ ถ้าวันนึงพี่เขียนหนังสือ เค้าจะเขียนคำนิยมให้พี่เอง คำนิยมโดยจ๊ะจ๋า"
'อ่อ ดีๆ เออ...แล้วคนอ่านจะคิดว่าจ๊ะจ๋าเป็นใครอ่ะ'
'เออ นั่นดิ 555'
ทายซิ จ๊ะจ๋าเป็นใคร?)
1.มันคือการแลกเปลี่ยนของเรา ไม่ใช่ของคนอื่น
เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องปรับตัวเข้าหาโฮสต์ เข้าหาเพื่อน ไม่ใช่คนอื่นเพราะนี่คือที่ของเขา ชีวิตของเขาที่เขาจะไม่เปลี่ยนเพื่อเรา เราต้องเปิดใจ ลองอะไรใหม่ๆ ยอมรับว่าไม่มีอะไรถูก อะไรผิด ไม่มีอะไรดีกว่าหรือด้อยกว่าเพราะทุกอย่างมันต่างกัน
2.ชีวิตแลกเปลี่ยนไม่ใช่การอยู่คนเดียว
รุ่นพี่ชอบพูดว่า ตอนน้องไปแลกเปลี่ยน น้องต้องอยู่คนเดียว ต้องทำอะไรคนเดียว น้องต้องสู้ ต้องอดทน ความจริงรุ่นพี่อาจจะไม่ได้หมายความตามที่พูดเป๊ะๆ แต่เราก็เข้าใจไปแล้วว่าต้อง "อยู่คนเดียว"
วันแรกที่ไปโรงเรียน เพื่อนทุกคนหน้าตาดีมาก แต่ 1 ชม.แรก ทุกคนมองเราแปลกมากกก สายตาฝรั่งพวกนี้เหมือนจะพูดภาษาไทยกับเราได้เลยว่า "แกเป็นใคร?" "แกมากจากไหน?" "แกมาทำไม?" "แกจะทำอะไร?"
ตาสีฟ้า สีเขียวกัดเซาะความมั่นใจของเด็กไทยขี้อายลงเรื่อยๆ เราเริ่มหลบตา เริ่มมองพื้น มองเท้าตัวเอง แล้วก็คิดว่า "คงไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับชั้น ทั้งปีนี้ชั้นคงต้อง "อยู่คนเดียว" จะทำยังไงถึงจะมีความสุขกับการอยู่คนเดียว" แล้วเราก็ตกใจกับความคิดของตัวเอง "ไม่สิ ชั้นต้องคิดว่า จะทำยังไงถึงจะมีเพื่อนแล้วไม่ต้องอยู่คนเดียว" เราเงยหน้าแล้วก็ได้คุยกับเพื่อนที่กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตคนนึงของเราตั้งแต่ตอนนั้น
ทุกปีจะต้องมีเด็กส่วนนึงที่ เก็บตัวในห้อง "อยู่คนเดียว" ไม่พูดกับใครเลย แล้วก็ได้แต่ทำให้ทุกคนสงสัยว่ามาที่ทำไม แรกๆมันไม่ง่ายหรอกที่จะเข้ากับโฮสต์ ที่จะหาเพื่อน เพราะเราอยู่ในที่ๆทุกคนต่างจากเรามากๆจนบางทีเราจะรู้สึกเหมือนเราตัวคนเดียว แต่เราไม่ควรจะ"อยู่คนเดียว" เราไม่จำเป็นต้อง "อยู่คนเดียว" เราควรจะอยู่กับคนอื่น ทำความรู้จักกับเค้า ดูว่าเค้าเป็นยังไง ทำอะไร คิดอะไร นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เรามาไกลขนาดนี้หรอกหรือ?
3.ชีวิตแลกเปลี่ยนไม่ใช่การทน
มีปัญหาแก้ซะ อย่าทน ทนๆๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย แล้วทุกวันเราก็จะมีความสุขน้อยลงเรื่อยๆ ทุกปัญหาโคตรมีทางออก เราจะมองไม่เห็นหรอก ถึงแม้ว่าทางแก้มันจะง่ายมากก็ตาม เพราะแบบนี้เราถึงต้องคุยกับใครซักคน คนแรกที่ควรคุยคือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรา (คนที่ดูเหมือนไม่ค่อยช่วยอะไรนั่นแหละ) คุยกับโฮสต์ คุยกับครู คุยกับเพื่อนแลกเปลี่ยนด้วยกัน กับใครก็ได้อย่าเก็บไว้คนเดียว แล้วก็ลองแก้ปัญหาดู
ปัญหาที่ทุกคนน่าจะเจอคือ เรียนไม่รู้เรื่อง เราก็เหมือนกัน สอบคณิตครั้งแรกเราได้ 3 เต็ม 10 และครูทุกคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราทำไม่ได้ เพราะครูไม่รู้ว่าเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เราร้องไห้อยู่หลายวัน สุดท้ายเราตัดสินใจไปคุยกับครูทุกคน อธิบายด้วยภาษากระท่อนกระแท่นของเราเองว่าเราเรียนไม่รู้เรื่องเพราะเรายังพูดอิตาเลียนไม่เก่ง แต่เราจะพยายาม ครูทุกคนก็เข้าใจ สุดท้ายเราได้คะแนนท็อปห้องวิชาฟิสิกส์ และวิชาปรัชญากลายเป็นวิชาโปรดของเรา
4. ชีวิตแลกเปลี่ยนของทุกคนไม่เหมือนกัน (ทุกคนมีเรื่องแย่ๆที่ไม่ได้โพสต์ลงเฟซ)
อย่ามัวแต่เสียเวลาเปรียบเทียบสิ่งที่เราเจอกับสิ่งที่คนอื่นเจอ เราเคยอิจฉาเป็นบ้าที่โฮสต์บางคนแทบจะพาเที่ยวรอบโลก ในขณะที่โฮสต์เราอยู่บ้านตัดหญ้า เลี้ยงหมาทุกอาทิตย์ เราเคยอิจฉาคนที่มีเพื่อนเยอะๆ ออกเที่ยวกันทุกคืน ขณะเพื่อนๆไม่กี่คนของเราเป็นเด็กเรียนอ่านหนังสือกันหมด
แต่...
โฮสต์เรา รักเราเหมือนลูกอย่างที่คนอื่นคงไม่ทำ โฮสต์เราสอนเราอ่านหนังสือเด็กอนุบาลทุกคืน จนเราอ่านคล่อง พาเราไปกินข้าวบ้านนู้นบ้านนี้ให้เรามีเพื่อน วันประชุมผู้ปกครอง โฮสต์เราเป็นผู้ปกครองคนเดียวที่อยู่รอพบครูทุกคน
เพื่อนเรา ช่วยเราทุกครั้งที่ครูว่า สอนทำการบ้านเด็กๆของเรา บอกเราเป็นภาษาไทยทุกวันว่า 'อรุณสวัสดิ์' เพราะ 'เธอจะได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน' เพื่อนเราเข้าใจเราในเวลาที่เรา ไม่เข้าใจตัวเอง
ถ้าตอนนี้กำลังอิจฉาเราอยู่ละก็ เราจะไม่บอกหรอกว่าชีวิตไม่ได้ดี๊ดีตลอดเวลา วันที่เราโพสต์รูปของกิน เราไม่เขียนแคปชั่นว่าวันนี้ต้องแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ วันที่เช็คอินร้านเสื้อผ้าดังเราก็ไม่บอกใครว่าวันนี้ไม่มีใครคุยด้วยเลย วันที่ได้ไปเที่ยวที่สวยๆ ไม่มีใครรู้ว่าเหงาคิดถึงบ้านจนแทบอยากเก็บกระเป๋าขึ้นเครื่องเดี๋ยวนี้
5. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เลือกมีความสุขได้
ก่อนมาแม่เรียกไปคุยแบบจริงจัง คุณนายลำดวนบอกว่า การไปครั้งนี้เหมือนเข้าสวนผลไม้ ในสวนก็มีผลดีๆสวยๆบนต้น มีผลเน่าๆตกตามพื้น เรามีตระกร้า 1 ใบ เลือกได้ว่าจะเก็บอะไร ถ้าเก็บลูกเน่าๆมา ก็จะได้ลูกเน่าๆกลับบ้าน กินก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เสียเวลาเปล่า ถ้าเก็บลูกดีๆมา กลับมาก็จะเอามากินได้ เอามาปลูกได้
ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว เราเลือกคิดบวก มองหาสิ่งดีๆได้นะ
ทุกคนมีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน ถ้าหวังจะได้เจอทุกอย่างเหมือนที่คนอื่นเจอ แต่ยังไงก็ไม่ได้หรอก ลดมาตรฐานความสุขให้ต่ำลง มองสิ่งใกล้ตัวใกล้อีกหน่อย อย่าคิดว่ามาไกลขนาดนี้ พ่อแม่เสียเงินเยอะแยะ เพื่อมาอยู่กลางเกาะ ไม่มีอะไรเลย ถ้าต้องติดเกาะ ก็อยู่แบบชาวเกาะ มีความสุขแบบชาวเกาะได้ (เข้าใจนะจ๊ะจ๋า 5555 เลิฟ!)
6.มันจะมีจุดๆนึงที่เราไม่รู้ว่ามาที่นี่ทำไม ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่แล้วก็คิดถึงบ้านมากๆ (หลายคนบอกตรงกันว่าเป็นช่วงคริสต์มาส)
วันนึงกลับมาคิดถึงตอนนั้น จะรู้สึกว่ามันตลกและไร้สาระสุดๆ
เรามาแลกเปลี่ยนไง
ถึงจะยังพูดไม่เก่งมากก็ไม่เป็นไร
ถึงจะโดนมองบนรถบัสก็ไม่เป็นไร
ถึงจะเหงาๆบ้างก็ไม่เป็นไร
ที่สุดแล้วเราก็จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แล้วมันก็จะเป็นประสบการณ์ที่สวยงาม
7.ทุกคนไปแลกเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ครั้ง
ครั้งแรกตอนไปต่างประเทศ ครั้งที่สองตอนกลับบ้าน กลับบ้านไม่ง่าย เราจะเปลี่ยนไป (สำหรับเรา เราคิดว่าเราเปลี่ยนไปเป็นตัวเองมากขึ้น) และทุกคนก็จะเปลี่ยนไป เราอาจจะต้องซ้ำชั้น กลุ่มเพื่อนสนิทของเราอาจจะไม่รักกันแล้ว อาจจะไม่มีใครทำอะไรถูกใจเราซักอย่าง แล้วเราอาจจะพูดว่า ที่นู่นเป็นแบบนี้ๆ
เพื่อนในห้องเราคงจำได้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เราพยายามปลุกระดมเพื่อนไปประท้วง เพราะ 'ครูจะทำแบบนี้กับเราไม่ได้นะ! ที่อิตาลี...'
ใช้กฏเดิม เปิดใจ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง ยังไงเราก็อยู่บ้าน
กอด : )
พี่ป๊อป อิตาลี 50
คอมเมนท์เล็กๆจะทำให้คนเขียนมีความสุขที่สุดในโลก
ติดตามบล็อกต่อไปได้ที่ https://www.facebook.com/Tanrinh
ติดตามบล็อกต่อไปได้ที่ https://www.facebook.com/Tanrinh