เจ้ต้องกินอะไรถึงจะได้เหมือนเจ้ เจ้อ่านหนังสือยังไง
ป้าเอาเวลาที่ไหนนอน พี่ทำยังไงให้ได้ 4 ทำยังไงให้ติดหมอ ... เรื่องมันยาวนะแก อยากฟังนั่ง!
ขอเรียกบทความนี้ว่า คู่มือเอาชีวิตรอดจากม.ปลาย 101
ต้องใช้คำว่าเอาชีวิตรอดเพราะเด็กม.ปลายจะรู้ว่า ม.ปลายมันหนักมาก
เทียบกับชีวิตการเรียนที่ผ่านมาทั้งหมดของเรา เราไม่เคยมีกิจกรรมเยอะขนาดนี้ ไม่เคยเรียนยากขนาดนี้ ไม่เคยสอบทุกอาทิตย์
ไม่เคยต้องทำการบ้านสั่งวันนี้ส่งพรุ่งนี้ ตอนม.4 ครั้งแรก เครียดมากบอกเลย งง! รู้สึกเป็นเด็กตัวเล็กๆในโลกที่กว้างใหญ่ มีกล้องแพนตามเหมือนหนังชีวิต
ไม่รู้จะทำไงดี เรียนก็ไม่รู้เรื่อง การบ้านก็ไม่เสร็จ นอนก็ไม่ได้นอน
เพื่อนก็พากันเครียดไม่คุยด้วย ใครๆก็บอกว่าสู้ๆ แต่อยากจะถามกลับว่า... สู้อะไร แล้ว..แล้วสู้ยังไงล่ะคะพี่?! แต่ทั้งหมดนั้นมันผ่านไปแล้วค่ะ
วันนี้รู้แล้วว่าต้องทำยังไง ออกตัวก่อนเลย พี่ไม่ใช่คนเก่งมาก อาศัยความขยัน
** ความจริงหมั่นไส้ตัวเองนิดๆที่เขียนอะไรแบบนี้ แต่คิดว่าถ้าที่เขียนไปพอช่วยอะไรได้คนที่อ่านบ้างซักคน
2 คน ก็คงดี
โอเคเริ่มเลย ทำยังไงให้ได้เกรดดีๆ มีความสุข ไม่เสียสุขภาพ
1.มีความสุขกับสิ่งที่เรียน
เลือกสายที่ชอบ เลือกเรียนสิ่งที่มีความสุข บางคนเรียนสายวิทย์เพราะเรียนได้
ไม่ใช่เพราะชอบเรียน สุดท้ายสายวิทย์เลือกสอบเข้าคณะศิลป์ได้ก็จริง แต่คิดถึง 3
ปีที่ต้องทนทรมานกับ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สำหรับคนที่ไม่ชอบสิ
2.เลิกอคติ
เลิกคิดซักทีว่า คณิตมันยากเกิน เรามันโง่อังกฤษ
ชีวะเยอะขนาดนี้ไม่มีทางจำได้ เลิกดูถูกตัวเองซักที
ยังกับว่าโลกนี้มีคนชอบดูถูกคนอื่นไม่พอ ถ้าคนอื่นเขาทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะทำไม่ได้
หรือถ้าคนอื่นเขาทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำไม่ได้เหมือนกัน ถ้าอยากได้ 4
ถ้าอยากติดหมอ วิศวะ หรืออยากทำอะไรก็ตาม ปล่อยให้ตัวเองอยากทำ แล้วทำซะ
ไม่มีใครเกิดมาแล้วเก่งเลย คนที่เค้าเก่งๆเค้าก็ต้องสู้กันทั้งนั้นแหละ เลิกบ่นได้แล้วนะ
3.หาเพื่อนดีๆ
เพื่อนที่ขยัน ตั้งใจเรียนจะดึงให้เราขยันไปด้วย ตัวพี่เองชอบอ่านหนังสือกับเพื่อน
มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามกัน แบ่งหนังสือ แบ่งโน้ตกันดูตลอด
ถ้าใครมีเพื่อนที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน (ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนไม่ดี)
ก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี กระตุ้นเพื่อนให้เรียนบ้าง ให้กำลังใจเพื่อนหน่อย
4.วางแผน จัดตารางเวลาดีๆ
พี่จะมีสมุดแพลนเนอร์ติดตัวตลอด ไอเดียนี้ได้มาจากตอนอยู่อิตาลี
เด็กอิตาลีทุกคนจะคอยจดว่าต้องทำอะไรบ้าง ซ้อมกีฬากี่โมง การบ้านส่งวันไหน วันนี้ต้องอ่านอะไร
มันเป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนคิดไม่ถึง ถ้ามีเรื่องต้องทำเยอะๆจนปวดหัว
เขียนเป็นข้อๆแล้วทำทีละอย่าง มันจะดูน้อยกว่าที่คิดเยอะ แถมเรื่องส่งงานไม่ทัน
ลืมการบ้านก็ตกไป เนี่ยแหละทำให้พี่ทำกิจกรรมนู่นนี่เยอะๆได้โดยที่เกรดไม่ตก
5.ตั้งใจเรียนในห้อง
ทุกคนก็พูดแบบนี้ เพราะมันเป็นแบบนี้ไง 555
เชื่อเจ้เถอะ เจ้ขอ บางคนคิดว่าในห้องไม่สำคัญ เรียนพิเศษเป็นหลัก
เวลาหลับคือในห้อง ความจริงเรื่องที่ครูออกสอบก็คือเรื่องที่ครูสอนในห้องนั้นแหละ อย่าเพิ่งบ่นว่าครูสอนไม่รู้เรื่อง
ลองพยายามตั้งใจจริงๆ แล้วพอตรงไหนไม่เข้าใจก็ยกมือถาม
ถ้ากลัวเพื่อนหมั่นไส้ก็รอท้ายคาบ ไม่ต้องกลัวครูหรอก
ยิ่งครูเห็นความพยายามของเรายิ่งอยากช่วย
*มุมที่เรียนรู้เรื่องที่สุดคือหน้าห้อง มันไม่ใช่โซนกัมมันตรังสี
อย่ากลัว!
6.อ่านไปก่อน
ทำตามข้อนี้ต่อไปเรียนรู้เรื่องแน่นอน
พี่จะดูบทต่อไป หรือถามครูตลอดว่าพรุ่งนี้เรียนเรื่องอะไร (ถ้าครูบอกให้อ่านหน้านี้ถึงหน้านี้
ให้อ่านเผื่อไปเลยทั้งบท)แล้ววันนี้กลับบ้านก็ไปอ่านมาก่อนให้เข้าใจ
ตรงไหนไม่เข้าใจก็ดูหนังสือเล่มอื่น ถามกูเกิล
ถ้ายังงงอีกก็มาร์คไว้เอาไว้ถามครูพรุ่งนี้ พออีกวันมาเรียนก็จดโน้ตเท่าที่จำเป็น
จดเฉพาะอันที่เรายังไม่รู้ อย่าตะบี้ตะบันจดอย่างเดียวจนไม่ทันฟัง พอกลับไปอ่านจะไม่รู้เรื่องอยู่ดี
7.ทำโน้ตสรุปย่อของตัวเอง
สำหรับพี่นะ การได้เขียนเป็นคำพูดตัวเองทำให้พี่เข้าใจจริงๆ
เพราะถ้าสรุปเป็นคำพูดตัวเองไม่ได้แสดงว่ายังไม่เข้าใจจริง แล้วการเขียนก็ทำให้พี่จำได้มากขึ้น
ทำแบบไหนก็ได้เป็น mind map หรือ จดธรรมดา วาดรูป
สีสันอลังการยังไงก็ได้ เอาที่สบายใจ แต่ที่สำคัญคือมันต้องเป็นโน้ตย่อ จับใจความสำคัญ
เวลาเห็นคีย์เวิร์ด เราต้องมีรายละเอียดขึ้นมาเองในใจ ไม่ใช่เขียนทั้งหมด เคยเห็นของเพื่อนคนนึงแทบจะลอกมาจากหนังสือทุกคำ
สุดท้ายก็อ่านไม่ทัน จำไม่ได้ ก็มันเยอะเกิน!
อีกอย่างที่อยากแนะนำคือ Flash Card กระดาษที่ด้านนึงอาจจะเขียนหัวข้อ เขียนคำถาม แล้วด้านหลังก็เขียนคำตอบแผ่นเล็กๆ
เอาไว้ทายตัวเอง ทายเพื่อน พกไปไหนก็ได้ ช่วยจำ
8.อ่านทวนตลอด
พอกลับมาบ้านรีบทำโน้ตสรุปเรื่องที่เรียนเลยแล้วก็อ่านทวนทันที
ไม่ใช่แค่ทวนของวันนี้แต่ทวนของวันอื่นๆที่เรียนไปด้วย เจ้มันเยอะนะ! แต่ฟังก่อน
เวลาอ่าน ก็อ่านโน้ตน้อยๆของเราไง แล้วจะบอกให้ว่าเวลาทวน
มันจะใช้เวลาน้อยลงเรื่อยๆ ถึงวันนึงเปิดมาเห็นแค่หัวข้อ เราจะนึกภาพทั้งหมดออก
9.ติวเพื่อน
ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า 'ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายๆได้ แสดงว่าคุณไม่เข้าใจสิ่งนั้นดีพอ' ยิ่งให้ยิ่งได้
เป็นเรื่องจริง พี่ติวเพื่อนมาตั้งแต่ประถม ตอนมัธยมปลายยิ่งเอาใหญ่
ถึงขั้นขึ้นกระดานหน้าห้องหลังเลิกเรียน จนเพื่อนเรียกอาจารย์ 555
ติวเพื่อนมันดีตรงที่เราได้อธิบายให้เพื่อนฟัง ยิ่งพูดหลายๆรอบยิ่งจำแม่น
ถ้าเข้าใจอะไรผิด เพื่อนก็แก้ให้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่เพื่อนถามแล้วเราไม่รู้ก็จะได้หาคำตอบด้วยกัน
10.แบ่งเวลาอ่านหนังสือไว้ตลอด
อย่ามัวแต่ทำการบ้านจนลืมอ่านหนังสือนะครับ รุ่นพี่คนนึงบอกไว้
ซึ่งจริงมาก แกการทำการบ้าน กับอ่านหนังสือทวนเรื่องที่เรียนมันแทนกันไม่ได้
เพราะฉะนั้นแบ่งเวลาอ่านหนังสือไว้ด้วย
วันนึงเจ้ทำอะไรบ้าง เจ้อ่านหนังสือตอนไหนล่ะ...?
วันทั่วๆไป
5.45
ตื่น
6.00-7.00 อ่านหนังสือ
7.00-7.40 กินข้าว,ไปโรงเรียน (บ้านใกล้ ไม่เคยไปสาย แค่ต้องวิ่งนิดหน่อย)
8.00-16.00 เรียนที่โรงเรียน
ทำการบ้าน/อ่านหนังสือช่วงพัก
16.00-18.30 เรียนพิเศษ (บางวัน) หรืออ่านหนังสือถ้าไม่มีเรียน
18.30-19.30 ออกกำลัง อาบน้ำ กินข้าว
19.30-20.00
ทำการบ้าน ทำงานที่เหลือ
20.00-22.00 อ่านหนังสือ
นี่ไงเวลาอ่านหนังสือ วันละ3-6 ชม.แล้ว! ไม่เห็นต้องอยู่ถึงตี 1 ตี 2 เลย
12.ดูแลตัวเองหน่อย
นอนซะนอน อย่าเอาเวลานอนไปอ่านหนังสือ
อย่าเอาเวลาอ่านหนังสือไปทำอย่างอื่น
Sleep
is for the weak 555 โอเคการไม่หลับไม่นอนมันปาร์ตี้ต่อได้ แต่มันเรียนไม่ได้
ถ้าไม่นอนยังไงก็หลับในห้อง อ่านหนังสือก็ง่วง ปวดหัวคิดอะไรไม่ออก หน้าโทรมตาโหล
ป่วยอีก
***ทำยังไงให้ไม่ง่วงตอนอ่านหนังสือ ก็นอนให้พอไง
ต่อไปถ้าอ่านหนังสือแล้วง่วงให้บอกตัวเองว่า ชั้นนอนมา 8 ชม แล้ว
ชั้นไม่ได้เป็นโรคอะไร ชั้นไม่มีเหตุผลต้องง่วง อาการเนี้ยมันเป็นเพราะใจเสาะ เพราะขี้เกียจ
ฉะนั้น ตื่น!***
ออกกำลังคลายเครียด กินอาหารดีๆ
พี่เคยเป็นคนขี้โรคมาก่อน ป่วยทุก 2 อาทิตย์ ปวดหัว ตัวร้อนประจำ
เคยสอบไปน้ำตาไหลไปเพราะปวดหัวมาก มีช่วงนึงอาการหนัก ปวดหัว เดินเซ โลกหมุน
หน้ามืดบ่อยมาก เอาละไง จากซีรีย์แล้วชั้นต้องเป็นโรคอะไรร้ายแรงแน่ อาจจะเนื้องอก...
555 สุดท้ายไปหาหมอ หมอบอกไม่มีไร แค่เครียด แค่เครียดนี่ร่างกายรวนขนาดนี้เลย สิ่งที่แก้เครียดที่ดีที่สุดคือออกกำลังไง
มันหายเครียดจริงๆนะยู พี่เริ่มออกกำลัง กินอาหารดีๆ 7 เดือนที่กินมังสวิรัติ ป่วย
1 ครั้งถ้วน มันดีมากเลยที่ไม่ต้องไปโรงเรียนทั้งๆที่ปวดหัว หรือนอนอยู่บ้านแล้วกังวลว่าเรียนไม่ทัน
สมาธิ
การมีสมาธิสำคัญมาก ถ้าไม่มีสมาธิทำอะไรก็ไม่เต็มที่ เคยมั๊ยอ่านหน้าเดิมซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่เข้าใจ
ตั้งสติดีๆเลิกคิดเรื่องอื่นแล้วโฟกัส เวลาเรียนก็เหมือนกัน เรื่องอื่นพักไว้ก่อน
อย่าเพิ่งดูมือถือ ปิดไลน์ ปิดเฟซไป
**ถ้าทำได้ แนะนำให้หาเวลาไปฝึกสมาธิที่วัดเลย พี่ชอบไปวัดร่ำเปิง เค้ามีคอร์ส
3 วัน ออกมาจิตใจปลอดโปร่ง ได้คิดอะไรเยอะ
9.ไม่เข้าใจอะไรต้องเคลียร์ทันที
ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนต้องถาม ถามครู ถามเพื่อน
ดูหนังสือเล่มอื่นทันที ไม่ใช่เก็บ ถ้ามัวแต่เรื่องนี้ไม่รู้เรื่อง เรื่องนั้นก็ไม่เข้าใจ
ทุกๆวิชากองสุมกัน แล้วหวังว่าจะมาเข้าใจ 5 นาทีก่อนเข้าห้องสอบนะ ไม่ได้หรอก เพราะทุกวันเราก็ต้องเรียนเรื่องอื่นเพิ่มอีก
อ.อุ๊ ที่สอนเคมีบอกว่ามันเหมือนการสร้างบ้าน ถ้าฐานไม่แข็งแรง
ยังไงวันนึงบ้านก็พัง
10. เรียนพิเศษ
ไม่ได้สนับสนุนให้รีดไถพ่อแม่ไปเรียน พี่ยังคิดว่าที่ได้ดีที่สุดก็คือการอ่านเอง
แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆก็ไปเรียนพิเศษเลย ถ้าไปเรียนพิเศษต้องอ่าน
ต้องทวนสิ่งที่เรียน ต้องทำการบ้านจากที่เรียนพิเศษ ด้วย เวลาเรียนก็ตั้งใจ
อย่าโดด อย่าไปสาย อย่ามัวแต่เมาท์ ที่สำคัญคืออย่าเรียนเยอะเกินไป เพื่อนบางคนเรียนเลิก2-3ทุ่มทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์
กลับบ้านมาก็เหนื่อยเบลอทำอะไรต่อไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี พี่เองเรียนพิเศษอาทิตย์ละ
3-4 วัน
11.ก่อนสอบต้องเป๊ะ
การอ่านหนังสือสอบไม่ได้เริ่มคืนก่อนสอบ การอ่านหนังสือต้องเริ่มก่อนสอบเป็นอาทิตย์ๆ
ก่อนสอบขั้นแรกต้องอ่านทั้งหมดที่ครูสอน สองต้องทำทุกแบบฝึกหัดที่ครูให้ได้ทั้งหมด
สามต้องหาแบบฝึกหัดเพิ่มเติมมาทำ ถ้าอ่านหนังสือมาตลอดก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย
คืนก่อนสอบแค่อ่านทวนครั้งสุดท้ายแล้วนอนเร็วๆ
12.คำนวณคะแนนให้ดี ดูว่าวิชาไหนต้องทุ่ม วิชาไหนปล่อยๆได้
โอเคคือมันจะมีคะแนนกลางภาคใช่ป่ะ ในเมื่อเป้าหมายคือ 4 (ต้องได้
80/100) กลางภาค 50 คะแนนก็แปลว่าต้องได้อย่างน้อย 40 คะแนน ถ้าสมมุติวิชาไหนได้
45 ก็โล่งไป ผ่อนคลายได้หน่อย (แต่ไม่ได้หมายความว่าทิ้ง) ครึ่งหลังทำแค่ 35/50 ก็ได้
4 แล้ว แต่ถ้าวิชาไหนได้ 35/50 ก็แปลว่าครึ่งหลังต้องสุดตัว อย่างน้อยต้องได้
45/50 คือ 90 เปอร์เซ็น ข้อสอบ 10 ข้อผิดได้ข้อเดียว เพราะฉะนั้นวิชานี้ ต้องแม่น
ต้องเป๊ะ
14.อย่าโกงข้อสอบ
การโกงข้อสอบ มันผิด ผิดเหมือนโกงเงิน ขโมย
ปล้นนั่นแหละ บางคนทำเป็นเรื่องปกติ แต่การโกงไม่ช่วยอะไรเลย
รอดได้เป็นครั้งๆไปแล้วยังไง ไม่ได้อะไรอยู่ดี ทุกคนโทษการศึกษาไทยว่ากดดันให้เด็กลอกข้อสอบ
พี่เห็นด้วยว่าการศึกษาไทยมีข้อบกพร่องอยู่ แต่การลอกเป็นข้ออ้างหรือเปล่า
ถ้าเด็กเอาความกดดันมาเป็นแรงผลักดันในการเรียนคงจะดีกว่า
อย่าดูถูกตัวเองโดยการลอกข้อสอบ ทุ่มเท แล้วเป็นคนนั้นที่ไม่มีใครให้ลอก
เพราะไม่มีใครทำได้ดีกว่าแล้ว
สุดท้ายพี่หวังว่าน้องจะมีความสุขกับการเรียน
และมีความสุขกับเกรดสวยๆนะคะ กอด